เข้าถึงธรรมชาติของประเทศอินเดียต้องที่ Darjeeling

ประเทศอินเดีย มีสถานที่ร่มรื่นให้คุณได้ผ่อนคลายจิตใจอันเหนื่อยล้าพร้อมชื่นชมธรรมชาติสวยแสนละลานตา ซึ่งเมืองแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า Darjeeling  เป็นแหล่งปลูกชาของอินเดียอันมีชื่อเสียงมาก ล้วนอุดมไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้นานาชนิด  คุณสามารถสัมผัสกับธรรมชาติ ณ เมือง Darjeeling โดยชื่อเมืองนี้แปลว่า ราชินีแห่งขุนเขา เป็นเมืองในฝันตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย มีชื่อเสียงในเรื่องชา จัดเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตชาดีที่สุดในโลก การได้ดื่มด่ำไปกับกลิ่นหอมละมุนแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เปรียบได้ดังกับการจิบไวน์ชั้นสูง โดยตลอดเส้นทางเราจะเห็นไร่ชาเขียวชอุ่มสบายตาหลดหลั่นกันเป็นขั้นบันได ตามไหล่เขาเป็นจำนวนมาก ถูกอ้อมล้อมไปด้วยเทือกเขาหิมาลัยในอันน่าหลงใหลจนไม่อาจถอนตัวขึ้น

สถานที่แห่งนี้มีอากาศหนาวเย็นเกือบทั้งปี เพราะสูงจากระดับน้ำทะเล 6,510 ฟุต แม้จะเป็นฤดูร้อนก็อากาศก็เย็นสบาย และในช่วงฤดูหนาวก็จะมีหิมะตก Darjeeling  เป็นเมืองที่มีภูมิประเทศสวยงามมากรวมทั้งยังมีวิวทิวทัศน์แบบภูเขาซับซ้อนเป็นฉากหลัง นอกจากนี้ยังมี  ป่าไม้อุดสมบูรณ์สวยงาม , ไร่ชาเขียว , น้ำตกใสสะอาด , และน้ำใจอันดีงามของชาวเมือง พร้อมไปด้วยวิถีชีวิตหมู่บ้านซึ่งมีขนาด จัดเป็นสถานที่พักตากอากาศอันสวยงามเหมาะสำหรับชมยอดเขา EVEREST แห่งเทือกเขาหิมาลัย รวมทั้งยอดเขา KHANGCHENDZONGA ซึ่งมีหิมะปกคลุมตลอดปี นับเป็นฉากอันสวยงามจนหาคำไหนมาบรรยายไม่ได้ เมื่อมองจากยอดเขา Darjeeling แห่งนี้

คำว่า Darjeeling  มาจากภาษาทิเบต คำว่า Dorjaling  ซึ่ง Dorja แปลว่า  สายฟ้า ส่วนคำว่า ling แปลว่า สถานที่ พอเอามารวมกัน Darjeeling จึงแปลว่า ดินแดนแห่งสายฟ้า นั่นเอง

ชื่อเสียงของ Darjeeling นั้น  เป็นที่รู้จักอย่างเลื่องลือไปทั่วโลกว่า เป็นทั้งแหล่งปลูกและผลิตชาดีที่สุดในโลก ในสมัยโบราณก่อนประเทศอินเดียจะได้รับเอกราชคืนจากประเทศอังกฤษนั้น อีกทั้งประเทศอินเดียยังเคยตกอยู่ภายใต้การดูแลของสิกขิมและอังกฤษอีกด้วย  โดยอังกฤษต้องการพัฒนาให้ Darjeeling เป็นเมืองตากอากาศเพราะมีทัศนีย์ภาพอันงดงาม  รวมทั้งอยากทำให้กลายเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าอีกแห่งหนึ่งซึ่งติดต่อทำการค้าขายกับทิเบต พอมาในปัจจุบันนี้Darjeeling จึงได้กลายเป็นเมืองผสมผสานเอาทั้งความเจริญของโลกตะวันตกที่เข้ามาในช่วงอินเดียตกเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร จึงไม่น่าแปลกที่เมืองนี้จะเต็มไปด้วยตึก รวมทั้งอาคารบ้านเรือนซึ่งปลูกไว้ตามไหล่เขาในสไตล์ยุโรป ส่วนบรรยากาศก็ยังคงพลุกพล่านเบียดเสียดยัดแบบอินเดียแท้ดั้งเดิม นอกจากนี้ยังแซมด้วยวัดแบบทิเบตแบบประยุกต์ อีกทั้งยังมีศูนย์ศึกษาของชาวอังกฤษซึ่งเข้ามาตั้งถิ่นรกรากอีกด้วย